เมนู

ในแสนกัป พระศาสดามีพระนามว่าโคดม ซึ่งสมภพ
ในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติในโลก.

ผู้นั้นจักเป็นโอรส ผู้เป็นทายาทในธรรมของพระศาสดา
พระองค์นั้น อันธรรมนิรมิต กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว
จักไม่มีอาสวะ และนิพพาน เราตลอดจากครรภ์แล้ว มีสติ-
สัมปชัญญะ มีอายุ 5 ปีโดยกำเนิด ได้บรรลุพระอรหัต.

คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว
ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระปทุมเถระได้กล่าวคาถาเหล่านั้น ด้วยประการ
ฉะนี้แล.
จบปทุมเถราปทาน

59. อรรถกถาปทุมเถราปทาน


อปทานของท่านพระปทุมเถระ มีคำเริ่มต้นว่า จตุสจฺจํ
ปกาเสนฺโต
ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ
เมื่อพระปทุมุตตรมุนี กระทำความโชติช่วงแห่งพระสัทธรรมให้รุ่งเรืองอยู่
ท่านบังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่ง ดำรงการครองเรือน ปรากฏว่า
ท่านเพียบพร้อมด้วยโภคทรัพย์. ท่านเลื่อมใสในพระศาสดา ฟังธรรม
อยู่กับมหาชน ได้ยืนถือกำดอกปทุมพร้อมด้วยธง. ท่านได้ขว้างกำดอก

ปทุมนั้นพร้อมด้วยธงขึ้นสู่อากาศ เห็นความอัศจรรย์นั้น จึงเกิดโสมนัส
อย่างยวดยิ่ง. ทำบำเพ็ญกุศลจนตลอดชีวิต ในที่สุดแห่งชีวิต บังเกิด
ในสวรรค์ ได้ปรากฏและอันเขาบูชา ในฉกามาพจรสวรรค์ดุจธง เสวย
ทิพยสมบัติ และเสวยจักรพรรดิสมบัติในมนุษย์ทั้งหลาย ในพุทธุปบาท-
กาลนี้ ท่านบังเกิดในเรือนมีตระกูลสมบูรณ์ด้วยสมบัติ เพียบพร้อมด้วย
ศรัทธา เจริญวัยแล้วเกิดศรัทธา เพียงอายุ 5 ขวบเท่านั้นได้บรรพชา
แล้ว ไม่นานก็ได้เป็นพระอรหันต์ ท่านปรากฏโดยนามที่ท่านได้บำเพ็ญ
บุญไว้ว่า ปทุมเถระ ดังนี้.
ท่านระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศปุพพ-
จริตาปทาน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า จตุสจฺจํ ปกาเสนฺโต ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สจฺจํ ความว่า ที่ชื่อว่า สัจจะ เพราะ
แท้ ไม่ผิด ไม่คลาดเคลื่อน. ที่ชื่อว่า จตุสัจจะ เพราะท่านรวบรวม
สัจจะ 4 คือ ทุกขสัจจะ สมุทยสัจจะ นิโรธสัจจะ และมัคคสัจจะ เมื่อ
ประกาศคือเมื่อกระทำสัจจะ 4 นั้นให้ปรากฏในโลก. บทว่า อมตํ วุฏฐึ
ความว่า เมื่อยังสายน้ำฝนคืออมตมหานิพพานให้ตกอยู่คือหลั่งไหล ยัง
โลกนี้พร้อมด้วยเทวโลกให้ชุ่มอยู่ คือยังความเร่าร้อนคือกิเลสทั้งปวง
ให้ดับ ชื่อว่าย่อมยังฝน คือพระธรรมให้ตก.
บทว่า สธชํ ปทุมํ คยฺห ความว่า ถือดอกปทุม คือกำดอกปทุม
รวมกับธง. บทว่า อฑฺฒโกเส ฐิโต อหํ ความว่า ได้ยกดอกปทุมและ
ธงทั้งสองขึ้นยืนอยู่แล้ว. คำที่เหลือในทีทั้งปวงตื้นทั้งนั้นแล.
จบอรรถกถาปทุมเถราปทาน

อสนโพธิยเถราปทานที่ 10 (60)


ว่าด้วยผลแห่งการปลูกไม้โพธิ์


[62] เรามีอายุ 7 ปีโดยกำเนิด ได้พบพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้
เป็นนายกของโลก เรามีจิตเลื่อมใส มีใจโสมนัส ได้เข้า
ไปเฝ้าพระองค์ผู้สูงสุดกว่านรชน เราร่าเริง มีจิตโสมนัส
ได้ปลูกไม้โพธิ์อันอุดม ถวายแด่พระผู้มาพระภาคเจ้าพระนาม
ว่าติสสะเชษฐบุรุษของโลก ผู้คงที่ ต้นไม้อันงอกขึ้นบนแผ่น
ดิน โดยนามบัญญัติชื่อว่าอสนะ (ประดู่) เราบำรุงโพธิ์ชื่อ
อสนะอันอุดมนี้อยู่ 5 ปี.

จึงได้เห็นต้นไม้มีดอกบานน่าอัศจรรย์ เป็นเหตุให้
ขนพองสยองเกล้า เมื่อจะประกาศกรรมของตน จึงเข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ประเสริฐสุด.

เวลานั้นองค์พระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ เป็นสยัมภู
อัครบุคคล ประทับนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ แล้วได้ตรัส
พระคาถาเหล่านี้ว่า.

ผู้ใดปลูกต้นโพธิ์นี้ และกระทำพุทธบูชาโดยเคารพ เรา
จักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว.
ผู้นั้นจักได้เสวยเทวรัชสมบัติในเทวดาทั้งหลาย ตลอด
30 กัป และจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 64 ครั้ง เคลื่อนจาก
ดุสิตพิภพแล้ว อันกุศลมูลตักเตือน เสวยสมบัติทั้งสองแล้ว
จักรื่นรมย์อยู่ในความเป็นมนุษย์ ผู้นั้นมีใจแน่วแน่เพื่อความ